ข้อปฏิบัติความปลอดภัย การปกป้องการได้ยินด้วยปลั๊กอุดหูและที่ครอบหูลดเสียง

จะป้องกันการได้ยินของเราได้อย่างไรในขณะทำงาน?

วิธีที่ได้ผลที่สุดที่จะป้องกันโรคที่เกี่ยวกับการบกพร่องทางการได้ยินคือ การลดเสียงจาก ต้นกำเนิดของเสียง ตามวิธีทางวิศวกรรม แต่ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการทำงานของแต่ละที่ว่าจะ สามารถทำได้หรือไม่ นั่นหมายถึงการที่จะทำการลดเสียงจากต้นกำเนิดของเสียงนั้นเป็นไปได้ น้อยมาก ในแต่ละสภาพการทำงานคนงานจะต้องมีอุปกรณ์ป้องกันเพื่อป้องกันเสียงที่ดังมาก เกินไปไม่ให้เข้าไปทำอันตรายต่อระบบการได้ยินของร่างกาย

อะไรคือสิ่งที่ต้องทราบในการเลือกอุปกรณ์ป้องกันเสียงดัง

มนุษย์ต้องใส่อุปกรณ์เครื่องป้องกันการได้ยิน ถ้าเสียงที่ได้ยินนั้นอยู่ในระดับ 85 dB(A) การสวมใส่อุปกรณ์จะต้องสามารถลดเสียงนั้นให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อการได้ยิน ของ มนุษย์ วิธีที่ได้ผลที่สุดในการแก้ไขปัญหานี้คือ การวางระบบการควบคุมระดับเสียงและ นำระบบมาใช้อย่างรอบคอบ ประกอบด้วยการประเมินความดังของเสียง การอบรม และให้ ความรู้ที่แก่ลูกจ้าง การทดสอบการได้ยิน การบำรุงรักษา การตรวจสอบและการเก็บข้อมูลโดย ต้องระลึกไว้เสมอว่า จุดประสงค์สูงสุดของการป้องกันการได้ยินคือ ความสามารถในการลด ความดังของเสียงนั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประโยชน์ที่แท้จริงของอุปกรณ์ป้องกันเสียง คือการลดเสียงได้อย่างดีเยี่ยม อุปกรณ์ป้องกันเสียงนั้นควรใช้อย่างเหมาะสม ไม่มีการดัดแปลง ควรจำไว้ว่าหูฟังวิทยุนั้นไม่ควรนำมาใช้แทนอุปกรณ์ป้องกันเสียง ไม่ควรนำมาใส่ในพื้นที่ ปฏิบัติงานที่ต้องการการลดเสียง

เลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันคือ

• ถูกต้องกับงาน คำนึงถึงมาตรฐานที่ได้รับ เช่น EN352 ซึ่งครอบคลุมถึงชนิดของอุปกรณ์ ป้องกัน เช่น ที่อุดหู ที่ครอบหู ที่ครอบหูประกอบหมวก ที่ครอบหูอิเลคโทรนิกส์ เป็นต้น
• จัดหาอุปกรณืที่เหมาะสม ตรวจสอบและเลือกจากแคตตาล็อกของผู้ผลิตต่างๆ
• สบายเพียงพอ ยอมรับ และสวมใส่

ประเภทของอุปกรณ์ ป้องกันเสียง

ที่อุดหู (Earplugs) อุปกรณ์ใช้ใส่เข้าไปในช่องหู ซึ่งมีทั้งแบบคงรูปและไม่คงรูป (แบบโฟม) แบบใช้แล้วทิ้ง และแบบที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ที่อุดหูแบบสอด Semi-insert ear plugs ประกอบด้วย ปลั๊กลดเสียง 2 อัน ติดอยู่ที่ปลายของที่คาดศีรษะแบบแข็ง ที่ครอบหูลดเสียง (Earmuffs) ประกอบ ด้วย อุปกรณ์ที่ผลิตจากวัสดุที่อ่อนนุ่ม มีคุณสมบัติลดเสียง และมีลักษณะ คล้ายถ้วยครอบหู เพื่อป้องกันการกระแทกยึดอยู่กับที่คาดศรีษะ และแบบใส่ควบคู่กับอุปกรณ์หมวกนิรภัย

เราจะเลือกวิธีหรืออุปกรณ์ป้องกันได้อย่างไร?

การเลือกวิธีหรืออุปกรณ์การป้องกันที่ค่อนข้างเป็นของใช้ส่วนส่วนบุคคล ขึ้นอยู่กับจำนวนสาเหตุของการทำให้เกิดเสียงดังนั้นๆ รวมถึงระดับของเสียงดัง ความรู้สึกสะดวกสบายเมื่อใส่ ความเหมาะสมกับสภาพการทำงานกับผู้ใช้งาน สิ่งสำคัญที่สุดคือความสามารถในการลดความดังของเสียงและจะดีมากหากนายจ้างจัดเตรียม อุปกรณ์การป้องกันไว้หลายประเภทและป้องกันได้หลายระดับความดังของสียง เพื่อที่ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม

ถ้าแหล่งกำเนิดเสียงมีลักษณะดังๆ หยุดๆ การเลือกใช้ที่ครอบหูจะเหมาะสมกว่า การใช้ที่อุดหูที่จะต้องถอดออกและใส่ใหม่บ่อยครั้ง

เราจะทราบได้อย่างไรว่า อุปกรณ์ป้องกันเสียงนั้นสามารถลดเสียงได้เท่าไหร่

ผู้ผลิตจะต้องจัดหาข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพการลดเสียงของอุปกรณ์โดยอ้างอิงจาก NRR (noise reduction rating) SNR (single number rating) ค่าของ NRR และ NSR คือ ค่าของการลดเสียงของการทดลองให้ห้องปฏิบัติการ

เราจะใช่ค่า SNR/NRR ในการตัดสินใจเลือกอุปกรณ์ป้องกันเสียงได้อย่างไร

แนะนำให้ใช้ subject fiffiit data based ในการประมาณค่าการลดเสียงของอุปกรณ์หาก ไม่มี subject fif it data based แนะนำให้ลดค่าการป้องกันให้ต่ำลงอันเนื่องจากปัจจัยของสภาพแวดล้อมอื่นๆ โดย NIOSH แนะนำให้ลดค่าลงดังนี้

• ที่ครอบหู (Earmuffs) ลดลง 25% จากป้ายแสดงค่า (NRR) ของผู้ผลิต
• ที่อุดหูที่ทำจากโฟม ลดลง 50% จากป้ายแสดงค่า (NRR) ของผู้ผลิต
• ที่อุดหูที่ทำจากวัสดุอื่น ลดลง 70% จากป้ายแสดงค่า (NRR) ของผู้ผลิต

1. ถ้าเราทราบค่าระดับเสียงเป็น dBC ค่าระดับเสียงของ A คือ ENL [dB(A)] = ค่าระดับเสียงในที่ทำงานเป็น dBC – ค่าที่ลดลงขอ NRR
2. ถ้าเราทราบค่าระดับเสียงเป็น dB(A) ค่าระดับเสียงของ A คือ ENL [dB(A)] = ค่าระดับเสียงในที่ทำงานเป็น dBC – ค่าที่ลดลงขอ NRR ENL = ค่าระดับเสียงในที่ทำงานเป็น dB(A) – ค่าที่ลดลงขอ NRR -7

ความหมายของ Single Number Rating (SNR)?

SNR คือระบบอัตราเลขตัวเดียวที่พิจารณาตามมาตรฐานสากล ISO 4869 ทำการทดสอบ โดยห้องทดลองทางพาณิชย์ที่ไม่ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตเช่นเดียวกับ NRRs, SNRs มีหน่วยวัดเป็น dB’s และถูกใช้เป็นแนวทางในการเปรียบเทียบความสามารถในการลดลงของเสียงของอุปกรณ์ ป้องกันชนิดต่างๆ

ด้วยวิธีการที่แตกต่างกันของการเกณฑ์การวัดทำให้ NRRs และSNRs แตกต่างกันโดย ตัวเลขแสดง NRR and SNR จะมีความสามารถในการลดเสียงของอุปกรณ์เป็นค่าที่มีความ หมายแตกต่างกัน

ข้อดีและข้อเสียของปลั๊กลดเสียง (ear plug) และครอบหูนิรภัย (ear muffs)?

อุปกรณ์ทั้งสองชนิดมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ที่อุดหูเป็นสินค้าที่ผลิตออกมาครั้งละ มากๆ ใช้แม่พิมพ์อันเดียวในการผลิตสำหรับทุกขนาดหู มีทั้งแบบใช้แล้วทิ้งและนำกลับมาใช้ ใหม่ได้ ข้อดีของที่อุดหูคือ ใช้งานง่าย ราคาไม่แพง และสามารถใช้ได้ดีแม้ในสภาพแวดล้อมของการทำงานที่อุณหภูมิสูงหรือความชื้นสูง ในทางกลับกันความสามารถในการลดเสียงของที่อุดหูจะน้อยกว่าที่ครอบหูในบางรุ่น และไม่ควรใช้ในพื้นที่ที่มีระดับความดังของเสียงเกินกว่า 105 dB(A) ง่ายต่อการสูญหายเพราะมีขนาดเล็ก รวมถึงการตรวจสอบของหัวหน้างานค่อนข้าง ลำบากเพราะมองไม่เห็นว่าคนงานใส่มันหรือไม่ และต้องใช้ทักษะในการสอดใส่ในช่องหูให้ถูกต้อง จึงจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันได้สูงสุด

ที่ครอบหูมีความหลากหลายทั้งในด้วนวัสดุ รูปทรงลักษณะความลึกของที่ครอบและแรงกดทับของสายคาด น้ำหนักโดยรวมของอุปกรณ์ แรงกดทับของสายคาดที่ครอบที่มีความลึก และหนัก จะสามารถลดเสียงได้ดี สายคาดจะต้องกระชับกับศีรษะแต่ไม่แน่นจนเกินไป ข้อดีคือ ที่ครอบหูสามารถลดเสียงได้ดีกว่าที่อุดหูแต่ก็ไม่แน่นอนเสมอไป สวมใส่ง่ายและอายุการใช้งานนานกว่า หากส่วนประกอบบางส่วนชำรุด สามารถเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องซื้อใหม่ทั้งอัน ข้อเสียคือ ราคาที่ค่อนข้างแพงกว่าที่อุดหู และส่วนใหญ่การสวมใส่ไม่ค่อยสบายเท่าที่อุดหู โดยเฉพาะเวลา ทำงานในที่ที่มีอุณหภูมิสูงและชื้น แต่บางครั้งในบริเวณที่มีเสียงดังสูง เราสามารถใช้ที่อุดหู และที่ครอบหูด้วยกันได้ เพื่อการป้องกันที่สูงสุด

ทำไมความพึงพอใจของผู้ใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญ

มนุษย์รู้ว่าการป้องกันอันตรายจากการทำงานกับเสียงมีความสำคัญ แต่บางคนก็ไม่เห็น ความสำคัญหรือใช้แล้วรู้สึกไม่สบาย รูปลักษณ์ไม่ถูกใจ บางคนก็ไม่ชอบใส่อุปกรณ์บางชนิด แสดงให้เห็นว่ามนุษย์มีความแตกต่างกันทั้งความชอบ ลักษณะทางกายภาพของหูและช่องรูหูดังนั้นการเลือกใช้อุปกรณ์ก็ต้องแตกต่างกันในแต่ละคนด้วย

เป็นความคิดที่ดีหากนายจ้างจะจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากเสียง หลากหลายประเภท และให้ลูกจ้างสามารถเลือกใช้ได้ จงระลึกไว้เสมอว่าความปลอดภัยและ ความสะอาด เป็นเหตุผลหนึ่งในการเลือกชนิดของอุปกรณ์ป้องกันตัวอย่างเช่น ที่อุดหู ซึ่งถูกใช้ ในโรงงานตลอดทั้งวัน มีการถอดและใส่บ่อยๆ นิ้วมือที่สกปรกจะทำให้ฝุ่นและแบคทีเรียเข้าไปในช่องหู ทำให้หูเกิดการอักเสบและเกิดการติดเชื้อ

เหตุผลของการเลือกใช้อุปกรณ์ลดเสียงคือความพึงพอใจของผู้ใช้งาน หากผู้ใช้งานไม่ชอบอุปกรณ์ชนิดนั้น ยกตัวอย่างเช่น ใส่แล้วไม่สะดวกสบาย มีพอดีกับช่องหู หรือไม่สามารถลดเสียง ได้จริงผู้ใช้งานก็อาจเลือกที่จะไม่สวมใส่อุปกรณ์ก็เป็นได้

เราจะทราบได้อย่างไรว่า ใช้อุปกรณ์ได้อย่างถูกต้องและการปกป้องสูงสุด?

ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด เช่น การใส่ที่อุดหูผู้ใส่จะต้องกางหูออก และ ยกขึ้นด้วยมือที่อยู่คนละข้างกับใบหู เพื่อให้ช่องหูขยายออกแนวตรง และใส่อุปกรณ์เข้าไปให้ลึกด้วยมือที่สะอาด และต้องมั่นใจว่าอุปกรณ์กระชับกับช่องหู ไม่รู้สึกระคายเคืองหรือรำคาญ ไม่มีเส้นผมหรือเสื้อผ้าขวางอยู่ด้านใน

ปกติถ้าต้องการได้รับประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันอันตรายจากเสียง ผู้ใช้งานจะต้อง ใส่อุปกรณ์ป้องกันเสียงตลอดเวลาในการทำงานกับเสียง ถ้าผู้ใช้งานถอดอุปกรณ์ป้องกันเสียงเพียงระยะเวลาสั้นๆ ประสิทธิภาพการป้องกันจะลดลง ตารางด้านล่างแสดงค่าของการป้องกันสูงสุดสำหรับการใช้งานอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากเสียงอย่างไม่ต่อเนื่อง ยกตัวอยางเช่นถ้าผู้ใช้งาน เอาอุปกรณ์ป้องกันเสียงออกเพียง 5 นาทีต่อการทำงาน 8 ชั่วโมง ค่าการป้องกันสูงสุดจะเท่ากับ 20 เดซิเบล

ขอขอบคุณบทความดีๆจากเว็บไซต์ www.safetyppe.com/